ศึกประชันผลตอบแทนย้อนหลังจากการ DCA: กองทุน Passive V.S. กองทุน Activeศึกประชัน ผลตอบแทนย้อนหลังจากการ DCA
มีมวยคู่ไหนมาประชันกันบ้าง?
- กองทุน SET50 กองไหนทำผลตอบแทนได้ดีที่สุด??
- กองทุนประเภท Passive ปลอดภัยกว่าจริงหรือ??
- การ DCA เหมาะกับกองทุนประเภทไหน??
- กองทุนไหน ทำผลตอบแทนได้ดีที่สุด ในยามตลาดเป็นขาขึ้น??
- กองทุนไหน รักษาความผันผวนได้ดีที่สุด ในยามตลาดเป็นขาลง??
ไปดูข้อสังเกตในแต่ละช่วงระยะเวลาการลงทุน และข้อสรุปในภาพสุดท้ายได้เลยค่ะ
อธิบายกองทุนเพิ่มเติม :
กองทุนประเภท Passive (คาดหวังผลตอบแทนใกล้เคียงตลาด)
▪ SCBSET50 , TMB50, K-SET50 ลงทุนในหุ้น SET50 ให้ผลตอบแทนล้อไปตามดัชนี
▪ JB25 ไม่ได้หุ้นใหญ่สุด25ตัวแรก แต่เป็นการกระจายไปลงทุนในทุกๆ อุตสาหกรรม โดยเลือกเป็นหุ้นใหญ่ 25 ตัว
กองทุนประเภท Active (คาดหวังผลตอบแทนให้ชนะตลาด)
▪1AMSET50-RA ถือหุ้น25-30ตัว เน้นลงทุนใน SET50 ประมาณ 65% ที่เหลือมีกระจายไปยังหุ้นนอก SET50 และหุ้นเล็ก เพื่อคาดหวังผลตอบแทนให้มากกว่า SET50
▪ BTP ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่เพียง10ตัว
▪ T-LOWBETA เน้นลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ3-Month Performance ช่วงที่ตลาดเป็นขาลง
ข้อสังเกต :
- กองทุน SET50 ผลตอบแทนใกล้เคียงกัน
- ในระยะเวลาสั้นๆเพียง 3 เดือน ผลตอบแทนไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
- มีเพียง T-LOWBETA ที่รักษาความผันผวนได้ดี
6-Month Performance : ในช่วงที่ตลาดเป็นขาลง
ข้อสังเกต : - กองทุน SET50 ผลตอบแทนใกล้เคียงกัน
- จะเห็นว่ากองทุนประเภท Passive Fund (4กองทุนด้านบน) ที่หลายๆคนมองว่าปลอดภัยกว่ากองทุนประเภท Active Fund (3กองทุนด้านล่าง) ยังติดลบมากกว่
เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนี้?
เพราะนโยบายของกองทุนต่างกันค่ะ
กองทุน Passive Fund จะไม่มีการปรับสัดส่วนการลงทุนตามสภาพเศรษฐกิจเลย เพื่อให้ผลตอบแทนล้อไปกับดัชนี SET50
ในขณะที่กองทุน Active Fund จะมีความยืดหยุ่นมากกว่า
(+) ในช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้น ผู้จัดการกองทุนจะลงทุนในหุ้นแทบจะ 100% เลย
(-) ในช่วงที่ตลาดเป็นขาลง ผู้จัดการกองทุนจะลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นลงมา ทำให้มีโอกาสเจ็บตัวน้อยกว่า
1-Year Performance ในช่วงที่ตลาดผันผวน ขึ้นแล้วก็ลง
ข้อสังเกต :
- กองทุน SET50 ผลตอบแทนก็ยังใกล้เคียงกัน
- T-LOWBETA ดูจะไม่เหมาะกับการ DCA ในช่วงตลาดขาขึ้น แต่ยังไม่ด่วนสรุป ไปดูรูปถัดไปกันค่ะ
3-Year Performance ในช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้น
ข้อสังเกต :
- กองทุน SET50 ผลตอบแทนก็ยังใกล้เคียงกัน
- JB25 ที่กระจายการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ 25 ตัวใน 8 อุตสาหกรรม ทำผลตอบแทนได้ดี เมื่อลงทุนในระยะเวลาที่ยาวขึ้นมา
- T-LOWBETA ดูจะไม่เหมาะกับการ DCA ในช่วงตลาดขาขึ้นจริงๆ อาจจะเหมาะกับการลงเงินก้อนในช่วงที่ตลาดเป็นขาลงมากกว่า
5-Year Performance
ข้อสังเกต : - กองทุน SET50 ผลตอบแทนก็ยังใกล้เคียงกัน
- BTP ที่ลงทุนในหุ้นใหญ่เพียง 10 ตัว ทำผลตอบแทนได้ดี เมื่อมีระยะเวลาลงทุนในระดับกลาง (3-7 ปี)
- กองทุนประเภท Active เริ่มนำแบบทิ้งห่าง
10-Year Performance
ข้อสรุป :
- กองทุน SET50 ทำผลตอบแทนได้ใกล้เคียงกันมาตลอด แม้จะหักค่าธรรมเนียมแล้วก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม หากเพื่อนๆสนใจที่จะลงทุนในกองทุนประเภทนี้ ควรเลือกกองทุนที่ค่าธรรมเนียมต่ำที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว
- ในช่วงที่ตลาดเป็นขาลง กองทุนประเภท Passive จะทำผลตอบแทนได้แย่กว่า แต่ตลาดมักจะผันผวนในระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้น หากคาดหวังผลตอบแทนเทียบเท่าตลาด กองทุนประเภทนี้ตอบโจทย์ค่ะ
- ในระยะเวลายาวมากๆ กองทุนประเภท Active ทำผลตอบแทนได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
- การ DCA เหมาะกับกองทุนที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงในอนาคต แต่ต้องเป็นกองทุนที่มีความผันผวนในตัวสูงเช่นกัน มิเช่นนั้น
- จะเป็นเหมือน T-LOWBETA ที่รักษาความผันผวนได้ดีที่สุด ในช่วงที่ตลาดเป็นขาลง ก็ลงไม่มาก แต่ในช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้น ก็ขึ้นไม่มากเช่นกัน ดังนั้นอาจจะเหมาะกับการลงทุนเป็นเงินก้อนในช่วงตลาดขาลงมากกว่า ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการลงทุน